6 สาเหตุทำไมบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Packaging) กำลังเป็นเมกะเทรนด์ของโลก
MISC-Store2021-09-30T15:03:52+07:00มีเหตุผลมากมายว่าทำไมการเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนนั้นสำคัญ แต่ 6 เหตุผลหลักๆ ที่เราหยิบยกมานี้สามารถยืนยันได้ว่าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่ออนาคตและมีศักยภาพในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปข้างหน้า โดยเกี่ยวพันกับปัจจัยทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภค และหน่วยราชการผู้ควบคุมนโยบาย ก่อให้เกิดโมเมนตัมผลักดันให้เป็นเมกะเทรนด์โลกที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ
1. โลกของเราต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
จากผลการสำรวจทั่วโลก พบว่ากว่า 42% ของพลาสติกถูกผลิตขึ้นมานั้นเพื่อใช้ในงานบรรจุภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตมาเพื่อใช้เพียงครั้งเดียว (single use) ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะระยะยาวในระบบนิเวศ
- 90% ของพลาสติกที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้ถูกนำไปรีไซเคิล แต่ถูกกำจัดโดยการเผา ฝังกลบ หรือแย่ไปกว่านั้นคือปล่อยออกไปสู่สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ
- ใช้เวลานานถึง 20 ถึง 400 ปีหรืออาจจะมากกว่า ในการที่ย่อยสลายพลาสติก
- ถึงแม้จะย่อยสลาย เศษจากการย่อยสลาย หรือที่เราเรียกว่า “ไมโครพลาสติก” (Microplastics) จะยังคงปนเปื้อนอยู่ในทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ ดิน หรือแม้แต่ในอาหารของเรา
การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนสามารถช่วยยับยั้งวงจรความน่ากลัวเหล่านี้ได้
2. มีการบังคับลดจำนวนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในหลายๆ ประเทศ
ในปี 2021 ประเทศออสเตรเลียได้ประกาศแผนงานระดับชาติที่จะงดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียว (single-use plastics) ภายในปี 2025 นอกจากประเทศออสเตรเลียแล้วยังมีอีกหลายเมือง หลายประเทศได้เริ่มต้นอย่างจริงจังในการงดใช้พลาสติกประเภทนี้ในทิศทางเดียวกัน
- สหภาพยุโรป (EU) ได้ออกร่างข้อบังคับยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Directive on single-use plastics) ในปี 2019 โดยมุ่งที่จะกำจัดพลาสติก 10 ชนิดที่พบทั่วไปบนชายหาดในแถบยุโรปซึ่งเป็นตัวเลขกว่า 70% ของขยะทางทะเลทั้งหมดที่พบในยุโรป
- หลายรัฐในสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น แคลิฟอร์เนีย ฮาวาย และนิวยอร์ก ได้เริ่มออกกฎห้ามการใช้ถุงพลาสติก ส้อมพลาสติก และบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารอื่นๆ
- ในเอเชีย อย่างประเทศอินโดนีเซียและไทยเราเอง ก็เริ่มจริงจังกับการเรียกร้องให้มีมาตรการลดจำนวนการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
แทนที่จะรอการกดดันทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว จากผลสำรวจของ Morgan Stanley พบว่าจำนวนของบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่มีการตั้งกลยุทธ์เกี่ยวกับพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรมมีมากขึ้นทุกปี สะท้อนให้เห็นว่าการเตรียมรับมือเมะกะเทรนด์ขององค์กรธุรกิจมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงนอกเหนือจากผลตอบแทนในรูปแบบของกำไร แต่ยังเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจอื่นๆ ด้วย
3. ผู้บริโภคชอบที่จะเห็นบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนตอนได้รับสินค้า
Ranpak และ Harris Research เปิดเผยว่าลูกค้าอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ในสหรัฐอมเริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี มีความต้องการที่จะสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยเป็นความเห็นกว่า 70% ของลูกค้า โดยเฉพาะในอังกฤษและฝรั่งเศสที่มีมากกว่า 80% ลูกค้ายังให้ความเห็นว่าต้องการที่จะเห็นบรรจุภัณฑ์กระดาษแทนพลาสติกในทุกคำสั่งซื้อออนไลน์ของพวกเขา
4. บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนสามารถปกป้องสินค้าได้เป็นอย่างดี
หลายคนเชื่อว่าพลาสติกนั้นมีคุณสมบัติในการป้องกันเหนือกว่าวัสดุป้องกันชนิดอื่นๆ แต่หารู้ไม่ว่าบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืนนั้นถูกใช้เรื่อยมานานนับพันปีแล้ว
- ขณะที่พลาสติกถูกคิดค้นในปี ค.ศ. 1869 แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมจนกระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945) ถึงจะเป็นที่นิยมแพร่หลายและมีอัตราการผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ถึง 300% จากตอนแรก
- กระดาษน่าจะเป็นวัสดุที่เก่าแก่ที่สุดสำหรับใช้ในการบรรจุภัณฑ์ที่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตามสินค้า รวมถึงโลหะ แก้วที่ใช้ในอุตสาหกรรมยุคบุกเบิก
- บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ภายในกล่อง หรือแม้แต่การใช้งานในสินค้าที่ควบคุมอุณหภูมิ
5. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) นั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากผลสำรวจของ Ranpak พบว่ามากกว่าครึ่งของผู้บริโภคตั้งใจที่จะซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ในปี 2020 ถึงปี 2021 ดูได้จาก 3 ใน 4 ของประเทศที่ทำการสำรวจ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในการสั่งซื้อออนไลน์ ได้แก่ ของใช้ในชีวิตประจำวันและอาหาร
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ระบุว่า อีคอมเมิร์ซในสหรัฐอเมริกาจะเติบโตขึ้น จาก 11% ในปี 2019 เป็น 23.6% ในปี 2025
- ในขณะที่ทั่วโลก ประเทศเม็กซิโกมีอัตราการเติบโตของอีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ที่ 35% รองลงมาได้แก่ อินเดีย ฟิลิปปินส์ จีน และมาเลเซีย
- ในปี 2019 มูลค่ารวมของตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกอยู่ที่ 9.09 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการตอบสนองต่อการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ
6. โมเดลธุรกิจที่พัฒนาอย่างยั่งยืน
กรอบการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG – Environment, Social and Governance) นับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในหลายธุรกิจเนื่องจากผู้บริโภคและผู้ถือหุ้นมีความตระหนักในปัญหาทางสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรธุรกิจสามารถได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจ อย่างเช่น ความมีชื่อเสียงเป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้า พนักงานภายในบริษัท รวมจนถึงสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการดำเนินธุรกิจได้
- การลงทุนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น ในสหรัฐอเมริกา 1 ใน 4 ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารโดยเป็นการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และบรรษัทภิบาล มูลค่ารวมกว่า 12 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
- มีการคาดการณ์ว่า รูปแบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular Economy) จะมีมูลค่าเติบโตถึง 4.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2030
- บริษัทที่ดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล จะมีศักยภาพในการดึงดูดและรักษาพนักงานในองค์กรได้ดีกว่า
พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ รอบโลก ทั้งความต้องการการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่ต้องการการรองรับด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน รวมไปจนถึงต้นทุนทางการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้สูงมาก สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้การเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนกลายเป็นเมกะเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน
Source: “6 Reasons why Sustainable Packaging is a Global Megatrend”
6 Reasons why Sustainable Packaging is a Global Megatrend
ใส่ความเห็น